โครงการ"สว.พบประชาชน".เข้าเป้า ตอบโจทย์ช่วยเหลือประชาชน

ปลื้มผลงาน 1 ปี ”สว.พบประชาชน“เจ๋งตอบโจทย์ช่วยเหลือ ปชช.เข้าเป้า หลังลงพื้นที่ทั่วประเทศแล้ว 56 ครั้ง รับเรื่องร้องเรียนกว่า 1,270 เรื่อง เข้าสู่การแก้ไข 969 เรื่อง พบปัญหาสังคมนำโด่งชาวบ้านอยากให้แก้ไขสูงสุด “บิ๊กเกรียง“ลั่นวุฒิสภาฟังทุกเสียง ปชช.เดินหน้าผลักดันแก้ไขปัญหาให้เกิดผลรูปธรรม

เมื่อวันที่ 28 ต.ค. ที่อาคารรัฐสภา (ฝั่งวุฒิสภา) พลเอก เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภา คนที่หนึ่ง ในฐานะประธานกรรมการอำนวยการโครงการสมาชิกวุฒิสภาพบประชาชน แถลงผลการดำเนินงานโครงการสมาชิกวุฒิสภาพบประชาชน ในโอกาสครบรอบ 1 ปี โดยมีประธานกรรมการขับเคลื่อนโครงการสมาชิกวุฒิสภาพบประชาชน ทั้ง 9 กลุ่มภาค คณะกรรมการอำนวยการฯ คณะกรรมการขับเคลื่อนโครงการสมาชิกวุฒิสภาพบประชาชน คณะกรรมการประชาสัมพันธ์วุฒิสภา พร้อมด้วยสมาชิกวุฒิสภา ผู้บริหารสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาและสื่อมวลชนเข้าร่วม

พลเอกเกรียงไกร รองประธานวุฒิสภา คนที่หนึ่ง กล่าวว่า ในโอกาสครบรอบ 1 ปีของการขับเคลื่อนภารกิจสำคัญ ซึ่งเป็นโครงการที่สะท้อนหัวใจของวุฒิสภาด้วยความตั้งใจที่มุ่งมั่นจะเป็น สะพานเชื่อมระหว่างประชาชนกับภาครัฐ โครงการนี้เกิดขึ้นภายใต้เจตนารมณ์แห่งรัฐธรรมนูญ 2560 ซึ่งมอบหน้าที่ให้วุฒิสภาไม่เพียงเป็นสภากลั่นกรองกฎหมาย แต่ยังต้องเป็นสภาที่รับฟัง เสนอแนะและควบคุมการบริหารราชการแผ่นดินให้เป็นไปเพื่อประโยชน์ของประชาชนอย่างแท้จริง สมาชิกวุฒิสภาพบประชาชน ไม่ใช่เพียงโครงการแต่เป็นพันธกิจของหัวใจ เป็นเครื่องมือสำคัญที่เปิดพื้นที่ให้สมาชิกวุฒิสภาได้ลงสู่ชุมชน หมู่บ้านและพื้นที่ห่างไกล

เพื่อรับฟังความทุกข์ร้อนของพี่น้องประชาชนในทุกภูมิภาค โดยลงพื้นที่อย่างต่อเนื่องกว่า 56 ครั้งทั่วประเทศ รับฟังความคิดเห็นเสียงสะท้อนข้อเสนอแนะจากประชาชนกว่า 1,270 เรื่อง พบว่าปัญหาด้านสังคมและอื่นๆ เป็นเรื่องที่ประชาชนให้ความสำคัญสูงสุด คิดเป็นเกือบหนึ่งในสามของทุกประเด็นที่ร้องเรียน รองลงมา คือปัญหาแหล่งน้ำ คมนาคม การเกษตร และที่ดิน ทั้งหมดสะท้อนภาพรวมของความต้องการขั้นพื้นฐานที่เกี่ยวพันกับคุณภาพชีวิตของคนไทยโดยตรง

สำหรับปัญหาที่ประชาชนร้องเรียนมากที่สุด 5 อันดับแรก สะท้อนถึงความต้องการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและการจัดการทรัพยากรพื้นฐานอย่างเร่งด่วน ได้แก่ ปัญหาด้านสังคมและอื่น ๆ โดยเฉพาะในภาคอีสานตอนบนและตอนล่าง รองลงมาคือปัญหาแหล่งน้ำ ซึ่งเด่นในภาคอีสานตอนบน ภาคใต้ตอนบน และภาคเหนือตอนล่าง ปัญหาคมนาคม ปัญหาการเกษตรและปัญหาที่ดิน โดยได้รับการดำเนินการต่ออย่างเป็นรูปธรรมผ่านกลไกของวุฒิสภา มีการส่งเรื่องเข้าสู่การแก้ไขโดยคณะกรรมาธิการและหน่วยงานภายนอก 969 เรื่อง

ผลการดำเนินงานที่มีความคืบหน้าเป็นรูปธรรมได้แก่ ปัญหาการขาดแคลนศัลยแพทย์อย่างเป็นระบบ โดยมีการหมุนเวียนบุคลากร พัฒนาระบบส่งต่อ และเตรียมทุนสนับสนุนศัลยแพทย์รุ่นใหม่ ภาคกลางตอนบน โครงการก่อสร้างป้องกันตลิ่งคลองหน้าวัดบ้านพราน ได้รับบรรจุในแผนงบประมาณปี 2570 วงเงิน 20 ล้านบาท ภาคกลางตอนล่าง เร่งซ่อมสะพานลำพะองเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนประชาชน พร้อมเตรียมก่อสร้างสะพานคอนกรีตถาวร ภาคอีสานตอนบน มีความก้าวหน้าโครงการถนนคอนกรีตและเสริมผิวทาง ได้รับงบอุดหนุนในปี 2569 ภาคอีสานตอนล่าง ผลักดันให้มีการศึกษาทบทวน MOU ไทย-กัมพูชา เพื่อยุติข้อพิพาทชายแดนอย่างมั่นคง ภาคใต้ตอนบน ผนึกกำลังทุกหน่วยบรรเทาปัญหาขาดน้ำบนเกาะนกเภา พร้อมเสนอแผนวางท่อประปาลอดทะเล ภาคใต้ตอนล่าง ได้ข้อสรุปยุติการพิจารณาโครงการคลองไทยภาคประชาชนหลังรัฐสภาได้ศึกษาอย่างรอบด้านแล้ว

ภาคเหนือตอนบน เดินหน้ากระจายอำนาจท้องถิ่น ตั้งศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก 15 แห่งในเชียงใหม่เพื่อเสริมรากฐานการศึกษาเด็กปฐมวัย และภาคเหนือตอนล่าง ได้เร่งแผนขุดลอกแม่น้ำตากแดด-คลองโพ แก้ปัญหาน้ำท่วมและภัยแล้งอย่างยั่งยืน พร้อมยืนยันว่า วุฒิสภาไม่ใช่เพียงผู้รับฟังแต่เป็นผู้ที่เดินหน้าผลักดันการแก้ไขปัญหาให้เกิดผลจริง มีหน้าที่ในการสานต่อทุกเสียงของประชาชนให้กลายเป็นนโยบาย ข้อเสนอ หรือการดำเนินการในระดับรัฐ เพื่อให้เสียงของประชาชนแต่ละคนไม่สูญหายไปในสายลมแห่งระบบราชการ

ขณะที่นายนิพนธ์ เอกวานิช สมาชิกวุฒิสภา ในฐานะประธานอนุกรรมการรับเรื่องร้องทุกข์ ติดตามและประเมินโครงการสมาชิกวุฒิสภาพบประชาชน กล่าวถึงผลการนำเรื่องเข้าสู่กลไกของวุฒิสภาเพื่อดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจ โดยมีการส่งเรื่องไปยังคณะกรรมาธิการ 646 เรื่อง ส่งไปหน่วยงานภายนอกที่เกี่ยวข้อง 241 เรื่อง นำประเด็นไปตั้งกระทู้ถามในที่ประชุมวุฒิสภา 5 เรื่อง นำไปปรึกษาหารือในที่ประชุมวุฒิสภา 77 เรื่อง หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ขอรับไปดำเนินการ 20 เรื่อง อยู่ระหว่างการวิเคราะห์ประเด็นและแยกเรื่องเพื่อส่งไปยังคณะกรรมาธิการหรือหน่วยงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบ 281 เรื่อง.