เอ็นจีโอยื่นเรื่อง"กมธ.วิสามัญฯ วุฒิสภา" ขอแก้ไขร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน

เอ็นจีโอยื่นเรื่องต่อประธาน กมธ.วิสามัญฯ วุฒิสภา ขอแก้ไขร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน ให้สิทธิลา ดูแลคู่สมรส ไม่จำกัดสิทธิ์เฉพาะผู้ที่จดทะเบียนสมรส เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของสิทธิสตรีให้เท่าเทียมกัน

เมื่อวันที่ 26 ส.ค.ที่ห้องแถลงข่าว ชั้น 1 อาคารรัฐสภา (สส.) นายวิรัตน์ รักษ์พันธ์ ประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.)วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... วุฒิสภา รับหนังสือจาก น.ส.ปรานม สมวงศ์ ผู้แทนจากองค์กร Protection International (PI) ในฐานะตัวแทนขบวนเคลื่อนไหวผู้หญิงนักปกป้องสิทธิมนุษยชนแห่งประเทศไทย เรื่อง ข้อเสนอการแก้ไขเพิ่มเติมร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... เพื่อสิทธิการลาของครอบครัวและการยอมรับงานการดูแล (Care work)

น.ส.ปรานม ตัวแทนขบวนการเคลื่อนไหวผู้หญิงนักปกป้องสิทธิมนุษยชนแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ประเทศไทยมีจำนวนประชากรวัยแรงงานหญิงที่อยู่ในกำลังแรงงานประมาณ 18.56 ล้านคน หรือคิดเป็น ร้อยละ 47 ของแรงงานทั้งหมด ซึ่งเป็นอัตราที่สูงที่สุดในภูมิภาคเอเชีย–แปซิฟิก การคุ้มครองสิทธิแรงงานหญิงจึงมิใช่เรื่องเฉพาะกลุ่ม แต่เป็นภารกิจเชิงโครงสร้าง ที่สะท้อนศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์และความมั่นคงของสังคมประเทศไทยมีพันธกรณีระหว่างประเทศที่ผูกพัน ได้แก่องค์การแรงงานระหว่างประเทศ (International Labour Organization – ILO) ซึ่งข้อเสนอแนะฉบับที่ 191 ระบุชัดว่า ให้ขยายสิทธิลาคลอดไม่น้อยกว่า 18 สัปดาห์ (126 วัน) พร้อมค่าจ้างเต็มจำนวนรายได้ก่อนลา รวมถึงสิทธิช่วงพักให้นมบุตร (breastfeeding breaks) และสถานที่สำหรับให้นมในสถานที่ทำงาน

สำหรับอนุสัญญาว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรีในทุกรูปแบบ คือ การดูแลครอบครัวที่เป็นความรับผิดชอบร่วมกันของทั้งหญิงและชาย กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม (International Covenant on Economic, Social and Cultural Rights – ICESCR) ที่รับรองสิทธิการลาของครอบครัว การคุ้มครองแม่และเด็ก และการลดความเหลื่อมล้ำเชิงโครงสร้าง ดังนั้น ตนจึงขอเรียกร้องขอให้กมธ.วิสามัญฯ พิจารณาปรับปรุงกฎหมายแรงงาน มาตรา 41/1 ให้บัญญัติอย่างชัดเจนว่า ลูกจ้างมีสิทธิลาเพื่อช่วยเหลือคู่สมรส ผู้ที่อยู่กินฉันสามีภรรยา หรือผู้อื่นที่อยู่ในความปกครองได้อย่างเสมอภาค และไม่จำกัดสิทธิ์เฉพาะผู้ที่จดทะเบียนสมรส เพื่อสะท้อนความจริงของครอบครัวไทย และเพื่อให้ประเทศไทยปฏิบัติตามพันธกรณีสิทธิมนุษยชนที่ได้ให้คำมั่นไว้ต่อประชาคมโลก

ด้านนายวิรัตน์ รักษ์พันธ์ ประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ กล่าวว่า กมธ.วิสามัญฯ จะเร่งผลักดันการปรับแก้กฎหมายดังกล่าว โดยเฉพาะปรับแก้ให้มีการคุ้มครองแรงงานในกลุ่มพนักงานจ้างเหมาบริการในภาคราชการ สิทธิการลาคลอดของสตรีจากเดิม 90 วัน เพิ่มเป็น 120 วัน และคู่สมรสสามารถลาเพื่อดูแลบุตรและภรรยาได้ 15 วัน และจะมีการประชุมกมธ.วิสามัญฯ เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.นี้เป็นครั้งสุดท้าย ก่อนเสนอร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวบรรจุเป็นระเบียบวาระในการประชุมวุฒิสภาเพื่อให้ทันในสมัยการประชุมนี้ เพื่อให้มีการบังคับใช้โดยเร็ว เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของสิทธิสตรีให้มีความเท่าเทียมกันต่อไป.