Last updated: 17 ต.ค. 2568 | 10 จำนวนผู้เข้าชม |
กมธ.ไอซีที วุฒิสภา ระดมกึ๋นหลายภาคส่วน ร่วมกำหนดอนาคตทีวีไทย
รองรับความเปลี่ยนแปลงโลกยุคดิจิทัล
เมื่อวันที่ 17 ต.ค. ที่ห้องจัดประชุมสัมมนา B1-2 ชั้น B1 อาคารรัฐสภา (สส.)คณะกรรมาธิการ (กมธ.) การเทคโนโลยีสารสนเทศ การสื่อสาร และการโทรคมนาคม (ไอซีที) วุฒิสภา ร่วมกับคณะอนุกรรมาธิการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม จัดสัมมนาเรื่อง “อนาคตทีวีไทย : ทางเลือกใหม่ ท่ามกลางความท้าทาย” โดยมีนายนิเวศ พันธ์เจริญวรกุล ประธานคณะกรรมาธิการฯ เปิดการสัมมนา และนายสุทนต์ กล้าการขาย รองประธานคณะกรรมาธิการฯ และในฐานะประธานคณะอนุกรรมาธิการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม กล่าวรายงาน พร้อมด้วยคณะกรรมาธิการฯ หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องกับการกำกับดูแลกิจการโทรทัศน์ องค์กรผู้ให้บริการโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิทัล องค์กรวิชาชีพสื่อวิทยุและโทรทัศน์ รวมทั้งสถาบันการศึกษา คณาจารย์ นิสิต นักศึกษา ภาควิชาการด้านนิเทศศาสตร์และสื่อสารมวลชน หน่วยงานภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง
นายนิเวศ กล่าวว่า นับตั้งแต่ประเทศไทยเข้าสู่ยุคการออกอากาศโทรทัศน์ในระบบดิจิทัล แม้จะเกิดพัฒนาการที่สำคัญทั้งด้านเทคโนโลยีและการเพิ่มทางเลือกของผู้ชม แต่กลับประสบปัญหาความท้าทายในเชิงโครงสร้าง ไม่ว่าจะเป็นต้นทุนโครงข่าย (MUX) ที่สูง ความซ้ำซ้อนของภารกิจระหว่างผู้ให้บริการและความไม่เท่าเทียมในการเข้าถึงทรัพยากรของผู้ประกอบการรายเล็กและรายใหญ่ ตลอดจนเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งการจัดสัมมนาในครั้งนี้เพื่อมุ่งเน้นเปิดเวทีให้ทุกภาคส่วนได้ร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เสนอแนวทางเชิงนโยบาย และร่วมกำหนดทิศทางอนาคตของกิจการโทรทัศน์ไทยให้สามารถปรับตัวภายใต้ความเปลี่ยนแปลงของยุคดิจิทัลสามารถตอบสนองต่อสภาพการแข่งขันที่เปลี่ยนแปลง รองรับการใช้ทรัพยากรร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ และส่งเสริมความยั่งยืนของกิจการโทรทัศน์ดิจิทัลในระยะยาว
ด้านนายสุทนต์ กล่าวรายงานว่า ในช่วงกว่าทศวรรษที่ผ่านมาการเปลี่ยนผ่านจากระบบแอนะล็อกสู่ระบบดิจิทัลในกิจการโทรทัศน์ภาคพื้นดินของประเทศไทยได้เปิดโอกาสให้เกิดการแข่งขันและความหลากหลายของช่องรายการอย่างเป็นรูปธรรม แม้ว่าการเปลี่ยนผ่านเชิงเทคโนโลยีจะประสบความสำเร็จในเชิงโครงสร้างพื้นฐาน แต่ในทางปฏิบัติกลับพบอุปสรรคสำคัญหลายประการ โดยเฉพาะต้นทุนการใช้โครงข่าย (MUX) ที่สูง การกระจายตัวของผู้ให้บริการโครงข่ายหลายรายขาดจุดเชื่อมโยงหรือความร่วมมือที่เป็นระบบ ความทับซ้อนของภารกิจระหว่างผู้ให้บริการโครงข่ายและผู้ให้บริการช่องรายการ ซึ่งส่งผลให้เกิดความไร้ประสิทธิภาพเชิงโครงสร้างและก่อให้เกิดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงทรัพยากรระหว่างผู้ประกอบการรายใหญ่กับรายย่อย
สถานการณ์ดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงความจำเป็นในการทบทวนแนวทางการให้บริการโครงข่ายโทรทัศน์ภาคพื้นดินของประเทศไทย เพื่อให้สอดคล้องกับบริบทปัจจุบันทั้งในด้านการส่งเสริมประสิทธิภาพ การลดต้นทุนเชิงระบบ การเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการช่องรายการที่ไม่มีโครงข่ายของตนเองสามารถเข้าถึงบริการได้อย่างเป็นธรรม ทั้งนี้ การรวมโครงข่ายบางส่วนหรือการปรับโครงสร้างการกำกับดูแลโครงข่ายให้มีความชัดเจนมากขึ้น เช่น การแยกโครงข่ายสำหรับช่องบริการสาธารณะออกจากช่องเชิงพาณิชย์ หรือการจัดตั้งโครงสร้างร่วมทุนแบบกลาง อาจเป็นทางเลือกที่ควรพิจารณา
นอกจากนี้ ยังมีความจำเป็นต้องพิจารณาประเด็นกฎหมายที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะบทบาท หน้าที่และอำนาจของคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ในการควบคุมราคาโครงข่าย กำหนดมาตรฐานการให้บริการ และการออกมาตรการสนับสนุนการปรับตัวของผู้ให้บริการโครงข่ายเดิม การพิจารณาแก้ไขบทบัญญัติบางประการที่อาจเป็นข้อจำกัดต่อการปรับเปลี่ยนโครงสร้าง MUX รวมถึงข้อเสนอต่อการปรับตัวของสื่อโทรทัศน์ของประเทศไทยในอนาคต ซึ่งการจัดสัมมนาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อแลกเปลี่ยนมุมมอง ข้อคิดเห็นจากผู้เชี่ยวชาญ หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม และสถาบันการศึกษาและคณะกรรมาธิการฯ จะได้นำข้อมูลไปประกอบการพิจารณาความเป็นไปได้ในการปรับปรุงรูปแบบการให้บริการโครงข่ายโทรทัศน์ดิจิทัลของประเทศไทยต่อไป.