"สว.สายสื่อ"ห่วงคำสั่งตั้งหัวหน้าคณะ พูดคุยสันติสุขใต้-ไม่ตอบโจทย์เจรจาแท้จริง

Last updated: 14 ต.ค. 2568  |  27 จำนวนผู้เข้าชม  | 

"สว.สายสื่อ"ห่วงคำสั่งตั้งหัวหน้าคณะ พูดคุยสันติสุขใต้-ไม่ตอบโจทย์เจรจาแท้จริง

"สว.สายสื่อ และกมธ.ทหารฯ" ห่วงคำสั่งตั้งหัวหน้าคณะพูดคุยสันติสุขใต้ ไม่ตอบโจทย์เจรจาแท้จริงหวั่นเสียเปรียบไปกันใหญ่ จี้ถามรัฐบาลแต่งตั้งเพื่อดับไฟใต้ หรือหวังใช้งบประมาณ 20 ล้านกันแน่

เมื่อวันที่ 14 ต.ค.นายไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล สมาชิกวุฒิสภาสายสื่อมวลชน เลขานุการและโฆษก กรรมาธิการ (กมธ.)ทหารและความมั่นคงของรัฐ วุฒิสภา กล่าวว่าตนมีความกังวลกับการแต่งตั้งหัวหน้าหัวหน้าคณะพูดคุยสันติสุขของรัฐบาลเพราะรัฐบาลชุดนี้ เข้ามาทำหน้าที่เพียงระยะสั้น 4 เดือน หรืออาจจะไม่ถึง 4 เดือนก็ได้ และหลังการเลือกตั้งถ้าพรรคภูมิใจไทยได้เป็นแกนนำในการตั้งรัฐบาล อาจจะมีการเปลี่ยนตัวคณะพูดคุยก็เป็นได้ ดังนั้นการแต่งตั้งคณะพูดคุยสันติสุขเพื่อไปพูดคุยกับขบวนการแบ่งแยกดินแดนบีอาร์เอ็น ไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม โดยเฉพาะการพูดคุยกับบีอาร์เอ็นในขณะที่กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้ายังไม่ได้เปรียบกับสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ การพูดคุยหรือการเจรจาจึงอาจจะเสียเปรียบต่อบีอาร์เอ็น

ที่สำคัญขอให้มีความชัดเจนคือการพูดคุยที่จะเกิดขึ้น พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตาหัวหน้าคณะพูดคุย จะไปคุยกับบุคคลของบีอาร์เอ็น ซึ่ง แกนนำที่สำคัญของบีอาร์เอ็น คือ กาแม เวาะและหรือคอซาลี หรือผู้นำจิตวิญญาณอย่าง บือราเฮง ปะจุศาลาหรือ นิเซะ นิฮะ ซึ่งเป็นแกนนำที่สามารถ เยส หรือ โน ในการพูดคุย หากไม่พูดคุยหรือเจรจากับคนเหล่านี้ ก็ป่วยการ ในการพูดคุย เพราะจะไม่มีความคืบหน้า เหมือนกับการพูดคุยที่ผ่านมา

นอกจากนี้บีอาร์เอ็นยังคงเป็นองค์กรปิดลับไม่เคยเปิดเผยว่า ใครเป็นแกนนำและไม่เคยรับหรือปฎิเสธกับการ ก่อเหตุในพื้นที่ของจังหวัดชายแดนภาคใต้ ดังนั้นจึงเชื่อว่าแกนนำของบีอาร์เอ็น จะไม่มาร่วมในเวทีการพูดคุยอย่างแน่นอน ถ้ารัฐบาลต้องการพูดคุยกับแกนนำของบีอาร์เอ็นต้องยื่นข้อเสนอให้กับผู้อำนวยความสะดวกที่เป็นตัวแทนจาก รัฐบาลมาเลเซียทำไม่ได้ ก็ไม่ควร พูดคุย

การพูดคุยครั้งนี้ยังจะอยู่ในกรอบของ JCPP หรือไม่ เพราะกรอบของ JCPP ที่เป็นข้อตกลงกับบีอาร์เอ็น ในครั้งที่ นายฉัตรชัย บางชวด หัวหน้าคณะพูดคุยในขณะนั้นทำขึ้นเป็นข้อกังวลจากบุคคลต่างๆ ว่าเป็นการเสียเปรียบต่อบีอาร์เอ็นและหาก เดินตามกรอบของ jCpp อาจจะทำให้เสียดินแดนก็เป็นได้

ส่วนข้อกังวลอีกข้อ คือการที่ คณะพูดคุยชุดนี้ จะพูดคุยกับขบวนการแบ่งแยกดินแดนทุกกลุ่ม เป็นเรื่องที่น่าวิตกกังวล เพราะจะทำให้การพูดคุยมีปัญหาและ อุปสรรค เนื่องจากขบวนการแบ่งแยกดินแดน กลุ่มต่างๆ ถ้าเป็นคนก็ ตายแล้วไม่มีกองกำลังติดอาวุธ ไม่มีแนวร่วมหรือสมาชิกในพื้นที่ ไม่เป็นภัยต่อความมั่นคงมานานแล้ว ทำไมจึงไปฟื้นคืนชีพให้ความสำคัญกับขบวนการเหล่านี้ ซึ่งหากมีการนำขบวนการเหล่านี้เข้าสู่โต๊ะการเจรจาอาจจะทำให้ บีอาร์เอ็นปฏิเสธที่จะร่วมพูดคุยกับคณะพูดคุยที่นำโดยพล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา เพราะบีอาร์เอ็นเคยประกาศว่าหากมีกลุ่มอื่นๆร่วมอยู่ในโต๊ะพูดคุย บีอาร์เอ็นจะไม่ร่วมเจรจาด้วย การนำเอา ขบวนการแบ่งแยกดินแดนทุกกลุ่ม มาสู่โต๊ะพูดคุยเป็นการย้อนอดีต สมัยที่นส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็น นายกรัฐมนตรี และ พล.ท.ภราดร พัฒนาถาบุตร เป็นหัวหน้าคณะพูดคุย สิ่งที่ชวนสงสัยคือการตั้งคณะพูดคุยครั้งนี้ ต้องการใช้งบประมาณ 20 ล้าน ของคณะพูดคุยหรือต้องการเห็นความสงบสุขในพื้นที่ ตรงนี้ต้องมีความชัดเจนและตอบประชาชนได้.

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้