Last updated: 18 ก.ย. 2568 | 82 จำนวนผู้เข้าชม |
ประกันสังคม มุ่งพัฒนาสิทธิประโยชน์ทางการแพทย์ เพื่อดูแลคุณภาพชีวิตผู้ประกันตนอย่างทั่วถึง เจ็บป่วยได้รับการรักษาที่ทันสมัยครอบคลุมทุกโรค
นางสาวบุปผา เรืองสุด เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กล่าวถึง สำนักงานประกันสังคม (สปส.)ได้พัฒนาระบบการให้บริการทางการแพทย์ที่ตอบโจทย์ผู้ประกันตนในมาตรา 33 และมาตรา 39 ทั้งในด้านการเพิ่มจำนวนสถานพยาบาลคู่สัญญาที่มีศักยภาพสูง การนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการวินิฉัย และรักษาโรค ตลอดจนการพัฒนาแนวทางการเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้รวดเร็ว มีประสิทธิภาพ การรักษาที่มีคุณภาพสามารถครอบคลุมทุกโรคให้กับผู้ประกันตนอย่างทั่วถึง อีกทั้งอำนวยความสะดวกให้ผู้ประกันตนเข้าถึงบริการทางการแพทย์ที่สะดวกรวดเร็ว เช่น เพิ่มทางเลือกให้ผู้ประกันตนมาตรา 33 และมาตรา 39 เข้าถึงการรักษาโรคมะเร็งในสถานพยาบาลเฉพาะทางด้านมะเร็งนอกเหนือจากสถานพยาบาลตามสิทธิโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ตามโครงการ SSO Cancer Care ซึ่งปัจจุบันมีสถานพยาบาล 98 แห่ง ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดร่วมโครงการ ช่วยเพิ่มโอกาสเข้าถึงการรักษา อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถรักษาโรคมะเร็งได้ทุกชนิดตามแนวทางการรักษา (Protocol) และกรณีนอกเหนือแนวทางการรักษา (Non-Protocol)
รวมถึงการสนับสนุนค่ายาในและนอกบัญชียาหลักแห่งชาติ ยาเคมีบำบัดหรือยาฮอร์โมนและค่ายามุ่งเป้า ซึ่งเป็นยาราคาสูง นอกจากนี้ยังมีการรักษาโรคมะเร็ง ด้วยวิธีการใช้หุ่นยนต์ช่วยผ่าตัด สำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก โรคมะเร็งลำไส้ตรงและทวารหนัก และโรคเนื้อนอกหรือการอักเสบของตับอ่อน
ในกรณีผู้ประกันตนป่วยเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือดหัวใจ และโรคหลอดเลือดสมอง ซึ่งเป็นโรคที่มีความรุนแรง จำเป็นต้องให้การรักษาอย่างทันท่วงที โดยโรคหลอดเลือดสมองต้องได้รับการรักษาภายใน 6 ชั่วโมง นับตั้งแต่ที่มายังสถานพยาบาลโรคหัวใจและหลอดเลือด ต้องได้รับการรักษาภายใน 60นาที ซึ่งผู้ประกันตนสามารถเข้ารับการรักษาในสถานพยาบาลที่มีศักยภาพ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเข้าถึงการรักษาของผู้ประกันตน ลดระยะเวลาการรอคอย ลดอัตราการเสียชีวิตให้ผู้ประกันตนมีคุณภาพชีวิตที่ดี โดยสามารถเข้ารับการรักษาในสถานพยาบาลที่เข้าร่วมทำบันทึกข้อตกลงกรณีหัตถการโรคหัวใจ และหลอดเลือด จำนวน 40 แห่ง และกรณีหัตถการโรคหลอดเลือดสมอง จำนวน 12 แห่ง รวม 52 แห่ง ระยะเวลาดำเนินตั้งแต่ วันที่ 1 เมษายน – 31 ธันวาคม 2568
ด้านการรักษาผู้ประกันตนที่สูญเสียดวงตายังให้สิทธิการรักษาด้วยการผ่าตัดใส่ลูกตาเทียมเฉพาะบุคคลเป็นอีกหนึ่งในสิทธิประโยชน์กรณีเจ็บป่วยของกองทุนประกันสังคม เพื่อช่วยให้ผู้ประกันตนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดยผู้ประกันตนสามารถใช้สิทธิได้ในสถานพยาบาลที่เข้าร่วมโครงการ จำนวน 9 แห่ง ในช่วงสถานการณ์ที่เกิดเหตุภัยพิบัติ สำนักงานประกันสังคมยังมีการให้สิทธิผู้ประกันตนที่ป่วยเป็นโรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย ให้ได้รับการบำบัดทดแทนไตและรับยา Erythropoietin นอกเหนือจากหลักเกณฑ์ที่เคยกำหนดเดิม เพื่อให้ความช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนแก่ผู้ประกันตนที่เจ็บป่วยด้วยโรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย ซึ่งพักอาศัยอยู่ในพื้นที่ที่เกิดภัยพิบัติ
นอกจากการดูแลรักษาแล้ว สำนักงานประกันสังคม ได้มีการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค เน้นการป้องกันดีกว่าการรักษา ให้ผู้ประกันตนได้รับการตรวจสุขภาพเพิ่มเติมจากสิทธิพื้นฐาน (สปสช.) โดยเพิ่มความถี่ช่วงอายุในการตรวจ และรายการในการตรวจสุขภาพที่จำเป็น เช่น การตรวจมะเร็งเต้านม การตรวจการทำงานของไต การคัดกรองการได้ยิน และการเอ็กซเรย์ทรวงอก เป็นต้น โดยผู้ประกันตนไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด ในสถานพยาบาลที่ร่วมโครงการตามสิทธิประกันสังคม ทั้งนี้ สามารถตรวจสอบข้อมูลสถานพยาบาลที่เข้าร่วมโครงการประกันสังคมในแต่ละการดูแลรักษาได้ที่ www.sso.th หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่/จังหวัด/สาขา ทุกแห่งทั่วประเทศ และที่หมายเลขโทรศัพท์ 1506 ตลอด 24 ชั่วโมง
“สำนักงานประกันสังคมยืนยันเจตนารมณ์ในการดำเนินงานบนพื้นฐานของหลัก “สุขภาพที่ดี คือพื้นฐานของชีวิตที่มีคุณภาพ” จึงขอให้ผู้ประกันตนเชื่อมั่นในการจัดสิทธิประโยชน์บริการทางการแพทย์ เพื่อดูแลคุณภาพชีวิตที่ดีของผู้ประกันตนอย่างยั่งยืนเมื่อถึงคราวเจ็บป่วยจะได้รับการรักษาที่ทันสมัยและครอบคลุมทุกโรค เพราะสุขภาพที่ดีคือพื้นฐานของชีวิตที่มีคุณภาพ” นางสาวบุปผา เลขาธิการ สปส.กล่าวในตอนท้าย.