Last updated: 4 ก.ย. 2568 | 45 จำนวนผู้เข้าชม |
“กมธ.พลังงาน”วุฒิสภา เยือนเขื่อนรัชชประภา สุราษฎร์หารือเข้มแผนงานผลิตไฟฟ้า “กฟผ.”ในภาคใต้ แนะยึดมาตรฐานความปลอดภัยกักเก็บพลังงาน หนุนภาคอุตสาหกรรมผลิตไฟฟ้าอยู่ร่วมชุมชนสันติสุข
เมื่อเร็ว ๆนี้ คณะกรรมาธิการ (กมธ.)การพลังงาน วุฒิสภา นำโดยนายพรเพิ่ม ทองศรี ประธานคณะกรรมาธิการฯพร้อมด้วยกรรมาธิการ ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ ที่ปรึกษา นักวิชาการ เลขานุการประจำคณะกรรมาธิการ ได้เดินทางไปร่วมประชุมกับหน่วยงานด้านพลังงาน ดังนี้
ช่วงเช้า คณะกมธ.เข้าร่วมรับฟังบรรยายสรุป และพบปะแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นกับผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)เกี่ยวกับนโยบายการบริหารจัดการพลังงานในพื้นที่เขื่อนรัชชประภา แผนงานรองรับการผลิตไฟฟ้าเพื่อการใช้งานในพื้นที่ภาคใต้ และแนวทางการบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก ตลอดจนปัญหาอุปสรรค ในการดำเนินงานของเขื่อนและโรงไฟฟ้า ณ อาคารที่ทำการโรงไฟฟ้า เขื่อนรัชชประภา การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย จ.สุราษฎร์ธานี
โดยนายสุบิน เนตรสว่าง ผู้อำนวยการเขื่อนรัชชประภา ให้ข้อมูลภาพรวมสรุปถึงกำลังการผลิตไฟฟ้าของ กฟผ 31,081 MW โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคใต้ ที่มีกำลังการผลิต 3,074 MW มาจากการผลิตของโรงไฟฟ้าเขื่อนรัชชประภา 240 MW นอกจากนี้ยังได้นำเสนอเกี่ยวกับโครงการด้านพลังงานทดแทนในอนาคตของ กฟผ. ทั้งในเรื่องของโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์แบบ SMRโครงการ HYDRO-FLOATING SOLAR HYBRID โดยในส่วนของ กฟผ.เขื่อนรัชชประภา ได้รับมอบหมายให้จัดหาพลังงานแสงอาทิตย์หุ่นลอยน้ำ 140 เมกะวัตต์ ในปี 2577 และส่วนต่อขยาย 100 เมกะวัตต์ในปี 2579 รวมทั้งสิ้น 240 เมกะวัตต์ เพื่อมุ่งสู่การลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกตามแผนของประเทศ
จากนั้นช่วงบ่าย คณะกมธ.เข้ารับฟังบรรยายสรุป และพบปะแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นกับผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่ของบริษัทท่าฉาง กรีน เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) เกี่ยวกับนโยบายการดำเนินธุรกิจด้านพลังงานทดแทน (การผลิตไฟฟ้าจากชีวมวล) การบริหารจัดการโรงไฟฟ้าก๊าซชีวภาพ ธุรกิจพลังงานไฟฟ้าจากขยะชุมชนและแผนงานการส่งเสริมความเป็นกลางทางคาร์บอน และการลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก รวมทั้งปัญหาอุปสรรค และข้อเสนอแนะต่างๆ โดยนายสืบตระกูล บินเทพ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ได้นำเสนอข้อมูลภาพรวมการดำเนินงานของบริษัทท่าฉาง กรีน เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) ประกอบธุรกิจในการผลิตกระแสไฟฟ้าจากชีวมวล กำลังการผลิตติดตั้ง 29.7 เมกะวัตต์ โดยเป็นการนำวัสดุเหลือใช้จากอุตสาหกรรมการผลิตน้ำมันปาล์มมาเป็นเชื้อเพลิง
ซึ่งเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรในพื้นที่ และการผลิตกระแสไฟฟ้าจากขยะชุมชน กำลังการผลิตติดตั้ง 46.8 เมกะวัตต์ โดยเป็นการกำจัดขยะมูลฝอยจากในชุมชนและนำมาสู่การผลิตไฟฟ้า รวมทั้งการบริหารจัดการโรงไฟฟ้าจากก๊าซชีวภาพ กำลังการผลิตติดตั้ง 7 เมกะวัตต์ ซึ่งเป็นการนำน้ำเสียเหลือทิ้งจากโรงงานอุตสาหกรรมของกลุ่มมาผลิตไฟฟ้า โดยคณะกรรมาธิการได้ตั้งประเด็นข้อสังเกตเกี่ยวกับมาตรฐานความปลอดภัยในการกักเก็บก๊าซชีวภาพในพื้นที่โรงงาน และการส่งเสริมอุตสาหกรรมในพื้นที่ชุมชนตลอดจนการอยู่ร่วมกับชุมชนของกลุ่มอุตสาหกรรม.