Last updated: 23 ก.ค. 2568 | 63 จำนวนผู้เข้าชม |
“วุฒิสภา” ช่วยรากแก้ว MOU “ธกส.-สกต.”เดินหน้ากิจกรรม “ไทยช่วยไทย” ครั้งที่ 5 นำสินค้าเกษตรกร ”ทุเรียนน้ำแร่”มาจำหน่ายถึงรัฐสภา แบบไม่คิดค่าขนส่ง พร้อมจำหน่ายราคาย่อมเยา หวังแก้ปมสินค้าเกษตรล้นตลาด
เมื่อวันที่ 22 ก.ค. ที่บริเวณทางเข้าอาคารรัฐสภา (ฝั่ง สว.) วุฒิสภา จัดกิจกรรม “ไทยช่วยไทย” ครั้งที่ 5 จำหน่ายทุเรียนน้ำแร่ช่วยเหลือเกษตรกรไทย เพื่อแก้ปัญหาผลผลิตล้นตลาด พร้อมจัดทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ( MOU ) ร่วมกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.) และสหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธกส. (สกต.) นำสินค้าจากเกษตรกรมาจำหน่ายที่รัฐสภา โดยไม่คิดค่าขนส่ง โดยมี นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา พร้อมด้วยสมาชิกวุฒิสภา นางปัณณิตา สท้านไตรภพ เลขาธิการวุฒิสภา ผู้บริหารสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา นายเกียรติศักดิ์ พระวร ผู้ช่วยผู้จัดการ ธกส. นางสาวนิตยา จันทร์ภักดี ผู้จัดการ สกต. จังหวัดบุรีรัมย์ บุคลากรสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาและสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร และสื่อมวลชน เข้าร่วมกิจกรรม
ประธานวุฒิสภา กล่าวว่า กิจกรรมไทยช่วยไทยครั้งนี้ จัดขึ้นเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรในการนำผลผลิตทางการเกษตรส่งตรงจากผู้ผลิตไปถึงผู้บริโภคโดยไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง ซึ่งเริ่มดำเนินการจำหน่ายผลไม้ตามฤดูกาล อาทิ มะม่วง มังคุด ทุเรียน เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมามีฝนตกในปริมาณมาก ทำให้มีสินค้าออกสู่ตลาดมากขึ้น และเกินกว่าความต้องการ ส่งผลให้ราคาผลไม้ตกต่ำ เกษตรกรได้รับความเดือดร้อน ทั้งนี้พบว่าทุเรียนจากจังหวัดบุรีรัมย์และศรีสะเกษล้นตลาด เช่นเดียวกับมังคุดจากจังหวัดจันทบุรีที่ล้นตลาดเช่นเดียวกัน วุฒิสภาจึงได้รับซื้อทุเรียนจากเกษตรกรในราคา กก.ละ 120 บาท ซึ่งสูงกว่าราคาที่พ่อค้าคนกลางรับซื้อ กก.ละ 70 บาท โดยได้รับความร่วมมือจาก ธกส. และ สกต. ในการขนส่งสินค้าจากเกษตรกรมาจำหน่ายที่รัฐสภาแบบไม่คิดค่าบริการ ทำให้เจ้าหน้าที่สามารถซื้อสินค้าได้ในราคาถูกกว่าท้องตลาด และเกษตรกรจำหน่ายสินค้าได้ในราคาที่สูงกว่าราคาขายส่ง กก.ละ 50 บาท
สำหรับกิจกรรมครั้งนี้จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 5 ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากสมาชิกวุฒิสภา ผู้บริหาร บุคลากร และสื่อมวลชน โดยในวันนี้ได้นำทุเรียนน้ำแร่จากจังหวัดบุรีรัมย์ มาจำหน่ายกิโลกรัมละ 120 บาท รวมจำนวน 3,000 กิโลกรัม และในอนาคตหากเกษตรกรได้ความเดือดร้อนจากกลไกตลาดที่ไม่สามารถดำเนินการได้ วุฒิสภาจะให้ความช่วยเหลือเกษตรกรอย่างต่อเนื่องในทุกภูมิภาคของประเทศไทยต่อไป.