วางศิลาฤกษ์ยกเสาเอกบ้านมั่นคงเมืองศิลา แก้ปัญหาชุมชนคนริมรางภาคอีสาน

Last updated: 26 พ.ย. 2567  |  459 จำนวนผู้เข้าชม  | 

วางศิลาฤกษ์ยกเสาเอกบ้านมั่นคงเมืองศิลา แก้ปัญหาชุมชนคนริมรางภาคอีสาน

“เริ่มวางศิลาฤกษ์ก่อสร้างบ้านอย่างเป็นทางการ” รองผู้ว่าฯขอนแก่นเป็นประธานในพิธียกเสาเอกบ้านมั่นคงเมืองศิลาแก้ปัญหาชุมชนคนริมรางภาคอีสาน ย้ำชาวขอนแก่นต้องมีที่อยู่อาศัยอย่างมั่นคง

วันที่ 26 พ.ย.ที่สหกรณ์บ้านมั่นคงเมืองศิลา จำกัด (ชุมชนหนองไผ่พัฒนา) อ.เมือง จ.ขอนแก่น  นายยุทธพร พิรุณสาร รองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น ร่วมเป็นประธานในพิธีลงยกเสาเอกชุมชนริมรางเมืองศิลา ในโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยผู้มีรายได้น้อยในชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากการพัฒนาระบบราง (บ้านมั่นคงชุมชนหนองไผ่พัฒนา) โดยมีนางสาวเฉลิมศรี ระดากูล รองผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) หรือ พอช.นางสาวฉัฐพร งามเกลี้ยง พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดขอนแก่น หน่วยงานภาคีที่เกี่ยวข้อง ผู้แทนขบวนองค์กรชุมชนจังหวัดขอนแก่น และชาวชุมชนในพื้นที่มารอให้การต้อนรับ



โดยทันทีที่รองผู้ว่าเมืองขอนแก่นเดินทางมาถึง ผู้แทนขบวนองค์กรชุมชนให้การต้อนรับ และนำชมนิทรรศการ ภาพรวมการพัฒนาที่อยู่อาศัยบ้านมั่นคงเมือง บ้านมั่นคงชนบท และบ้านมั่นคงชุมชนริมราง และรับฟังความเป็นมาของโครงการสถานการณ์ผลกระทบ นโยบาย สภาพปัญหาของชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากการพัฒนาระบบราง แนวทางการแก้ไขปัญหา โดย “นางสาวเฉลิมศรี” รอง ผอ.พอช. นำเรียน ตามที่สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) ได้ขับเคลื่อนงานภายใต้โครงการบ้านมั่นคง  และนางสาวแสงเดือน ศรีไพรวัลย์ ผู้ประสานงานเครือข่ายบ้านมั่นคงจังหวัดขอนแก่นชี้แจงวัตถุประสงค์ และความสำคัญของการจัดงานครั้งนี้ 



นางสาวเฉลิมศรี ระดากูล รองผู้อำนวยการสถาบันฯ นำรายงานสำหรับโครงการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยผู้มีรายได้น้อยในชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากการพัฒนาระบบราง ตามมติที่คณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2567 โดย พอช.ได้รับมอบหมายจากรัฐบาล ในการแก้ไขปัญหาและพัฒนาที่อยู่อาศัยผู้มีรายได้น้อยที่ได้รับผลกระทบจากการพัฒนาระบบราง ให้ชุมชนมีความมั่นคงในการอยู่อาศัย มีโครงสร้างพื้นฐาน ระบบสาธารณูปโภค สาธารณูปการและสิ่งแวดล้อมที่ดี มีรูปแบบการพัฒนาที่สอดคล้องกับวิธีชีวิต ซึ่งมีแผนการดำเนินงานช่วงระยะเวลา 2566-2570 วงเงินงบประมาณอุดหนุนจากรัฐรวมทั้งสิ้น 7,718.49 ล้านบาท พอช.ได้ดำเนินโครงการพัฒนาโครงการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยผู้มีรายได้น้อยในชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากการพัฒนาระบบราง โดยมีเป้าหมายโครงการรวม 35 จังหวัด 300 ชุมชน 27,084 ครัวเรือน ที่ผ่านมา พอช.ได้ลงพื้นที่สร้างความเข้าใจโครงการครบทั้ง 5 ภูมิภาคแล้ว สามารถพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยชุมชนริมรางและ ได้รับอนุมัติงบประมาณจาก พอช. แล้ว 19 โครงการ จำนวน 1,277 ครัวเรือน งบประมาณรวมกว่า 147,550,530 บาท และจะขยายผลการดำเนินงานให้ครอบคลุมทั้ง 35 จังหวัด 300 ชุมชน ทั่วประเทศ “นางสาวเฉลิมศรี” กล่าว



ในส่วนของการพัฒนาระบบรางของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ดำเนินโครงการพัฒนารถไฟความเร็วสูง ช่วงกรุงเทพมหานคร-หนองคาย เป็นโครงการเชิงยุทธศาสตร์ในการเชื่อมโยงภูมิภาคอาเซียน เป็นเส้นทางที่จะเชื่อมโยงประเทศไทยกับประเทศต่างๆ ทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลก ซึ่งสอดคล้องกับยุทธศาสตร์การพัฒนา Belt and Road Initiative (BRI) ของสาธารณรัฐประชาชนจีน ดังนั้น การก่อสร้างรถไฟ ช่วงกรุงเทพมหานคร- หนองคาย ซึ่งเป็นโครงการความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน



การพัฒนาระบบราง โครงการรถไฟความเร็วสูง และการก่อสร้างรถไฟทางคู่แบ่งเป็น 2 ระยะ ดังนี้ ระยะที่ 1 ช่วงกรุงเทพมหานคร – นครราชสีมา จุดเริ่มต้นที่สถานีนครราชสีมา จุดสิ้นสุดริมแม่น้ำโขง ฝั่งไทยระยะทางสิ้นสุดสายรวม 356 กิโลเมตร มีทั้งหมด 5 สถานีประกอบด้วยสถานีบัวใหญ่ สถานีบ้านไผ่  สถานีขอนแก่น สถานีอุดรธานี และสถานีหนองคาย และช่วงระยะที่ 2 ขอนแก่น – หนองคาย การก่อสร้างทางรถไฟใหม่จะก่อสร้างขนานไปกับทางรถไฟเดิมรวมระยะทางกว่า 167 กิโลเมตร เชื่อมต่อเส้นทางรถไฟทางคู่จิระ-ขอนแก่น เริ่มก่อสร้างในเดือนธันวาคม 2567 และคาดว่าจะแล้วเสร็จและจะเปิดให้บริการในปี 2570 การพัฒนาระบบคมนาคมดังกล่าวเพื่อการขนส่งที่สะดวกและรวดเร็วขึ้น  แต่ขณะเดียวกันก็มีผลกระทบต่อประชาชนที่อยู่อาศัยในพื้นที่การพัฒนาในทุกๆ ด้าน ทั้งสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม หนึ่งในนี้ก็ คือ ชุมชนที่อาศัยอยู่ในที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทยซึ่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พบว่ามีชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากการพัฒนาระบบราง รวม 5 จังหวัด ได้แก่ ขอนแก่น นครราชสีมา อุดรธานี อุบลราชธานี ศรีสะเกษ 61 ชุมชน 3,510 ครัวเรือน

ชุมชนหนองไผ่พัฒนา ภายใต้การบริหารจัดการของสหกรณ์บ้านมั่นคงเมืองศิลา จำกัด ได้จดแจ้งจัดตั้งเป็นสหกรณ์ เมื่อวันที่ เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2567 ได้รับสัญญาเช่าที่ดินจากการรถไฟแห่งประเทศไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยมีระยะสัญญาการเช่า 30 ปี เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2567 – 30 ก.ย. 2597 มีจำนวน 77 ครัวเรือน ขนาดพื้นที่เช่า 5,398.00 ตารางเมตร และได้รับงบประมาณสนับสนุนจากรัฐบาลเพื่อพัฒนาที่อยู่อาศัย “โครงการบ้านมั่นคง” จากสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน จำนวน 77 ครัวเรือน งบประมาณรวม 10,529,750 บาท แบ่งเป็นงบพัฒนาระบบสาธารณูปโภค(โครงสร้างพื้นฐาน) จำนวน 2,695,000 งบอุดหนุนการพัฒนาที่อยู่อาศัย 2,317,000 บาท



งบบริหารจัดการชุมชนภาคีเครือข่าย 134,750 บาท และงบช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบ เป็นเงิน 5,390,000 บาท ทั้งนี้ในแผนการดำเนินงานเพื่อให้บรรลุเป้าหมายนั้น พอช.ร่วมกับหน่วยงานภาคีที่เกี่ยวข้อง บูรณาการขับเคลื่อนงานร่วมกัน เพื่อผลักดันโครงการพัฒนาโครงการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยผู้มีรายได้น้อยในชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากการพัฒนาระบบราง ถึงเป้าหมายที่กำหนดร่วมกัน ซึ่งพอช. มีแผนการพัฒนาที่อยู่อาศัยผู้มีรายได้น้อยในที่ดินรถไฟ ในปีพ.ศ. 2568 รวม จำนวน 2,000 ครัวเรือน



ด้านนายยุทธพร  รองผู้ว่าฯขอนแก่น กล่าวว่า ตนมีความยินดีที่ได้ร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ และขอแสดงความยินดีในความสำเร็จของพี่น้องประชาชน ตลอดจนความร่วมมือของผู้แทนหน่วยงานภาคีเครือข่าย ที่มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยผู้มีรายได้น้อยในชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากการพัฒนาระบบราง เพื่อสร้างความมั่นคงและการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาคุณภาพชีวิตชุมชนผู้มีรายได้น้อยในชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากการพัฒนาระบบรางให้เข้าถึงสวัสดิการของรัฐ รวมถึงได้รับสิทธิขั้นพื้นฐาน อันได้แก่ มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองได้ ได้รับการส่งเสริมด้านอาชีพ รายได้ จากนั้น “นายยุทธพร” ได้ร่วมยกเสาเอกบ้านมั่นคงริมรางชุมชนหนองไผ่พัฒนา “สหกรณ์บ้านมั่นคงเมืองศิลา จำกัด”รวมที่อยู่อาศัยจำนวน 77 ครัวเรือน และเชื่อว่าการพัฒนาที่อยู่อาศัยภายใต้โครงการบ้านมั่นคงจะทำให้ชุมชนมีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพตรงตามความต้องการของชุมชนและตามเจตนารมย์ของรัฐบาล



ทั้งนี้มีการมอบสัญญาเช่าที่ดินการรถไฟแห่งประเทศไทย จำนวน 2 ชุมชน และมอบงบประมาณสนับสนุนการพัฒนาที่อยู่อาศัยริมราง จำนวน 2 ชุมชน จำนวน 119 ครัวเรือน งบประมาณรวม 16,273,250 บาท และโครงการบ้านพอเพียงเมืองศิลา ปี 2567 จำนวน 30 ครัวเรือน งบประมาณ 630,000 บาท.


 

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้