Last updated: 25 พ.ย. 2568 | 112 จำนวนผู้เข้าชม |
ประกันสังคมเดินหน้า 2 มาตรการสำคัญ ช่วยนายจ้าง–ผู้ประกันตน ทั้งการจ้างงานและการคุ้มครองกรณีว่างงานเหตุสุดวิสัย
นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน สั่งการ สำนักงานประกันสังคมดูแลนายจ้าง และผู้ประกันตนอย่างรอบด้าน ทั้งในด้านเศรษฐกิจ และผลกระทบจากภัยธรรมชาติ โดยได้ดำเนินมาตรการสำคัญสองด้านควบคู่กัน ได้แก่ โครงการสินเชื่อเพื่อส่งเสริมการจ้างงานระยะที่ 3 (พ.ศ.2568 – 2569) และการคุ้มครองสิทธิประโยชน์กรณีว่างงานเนื่องจากเหตุสุดวิสัย จากประกาศของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ว่ายังคงมีสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ 10 จังหวัด ได้แก่ สุราษฎร์ธานี กระบี่ นครศรีธรรมราช ตรัง พัทลุง สตูล สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส รวม 92 อำเภอ 581 ตำบล 4,146 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับความเดือดร้อน 719,858 ครัวเรือน ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อช่วยพยุงสถานประกอบการ สนับสนุนการจ้างงาน และบรรเทาความเดือดร้อนของแรงงานที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ที่ไม่อาจคาดการณ์ได้
ด้านนางสาวกาญจนา พูลแก้ว ผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงาน รักษาราชการแทนเลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กล่าวถึงภารกิจของสำนักงานประกันสังคมในด้านการสนับสนุนภาคธุรกิจ สำนักงานประกันสังคมได้ขับเคลื่อนโครงการสินเชื่อเพื่อส่งเสริมการจ้างงาน ระยะที่ 3 (พ.ศ. 2568–2569) ซึ่งเป็นมาตรการช่วยเหลือสถานประกอบการที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจและต้องการรักษาการจ้างงานเดิม รวมถึงเปิดโอกาสให้เกิดการจ้างงานใหม่ในระบบประกันสังคม โดยในปัจจุบันธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) ได้เข้าร่วมโครงการเพิ่มอีกหนึ่งแห่ง ซึ่งพร้อมเปิดให้สถานประกอบการยื่นขอหนังสือรับรองความเป็นสถานประกอบการและยื่นกู้กับธนาคารได้ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2568 เป็นต้นไป ทำให้จำนวนธนาคารที่เข้าร่วมโครงการรวมทั้งสิ้น 7 แห่ง ได้แก่ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร, ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน), ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย,ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน), ธนาคารยูโอบี จำกัด (มหาชน), ธนาคารไทยเครดิต จำกัด (มหาชน) และธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) ทั้งนี้ มาตรการสินเชื่อนี้กำหนดให้สถานประกอบการที่จ่ายเงินสมทบไม่น้อยกว่า 12 เดือนติดต่อกัน สามารถเข้าร่วมโครงการได้ และรักษาการจ้างงานไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ใน 3 ปีแรกของสัญญา โดยกำหนดวงเงินสินเชื่อสูงสุดแตกต่างกันตามขนาดของธุรกิจ ตั้งแต่ 15 ล้านบาท สูงสุดถึง 50 ล้านบาท ซึ่งอัตราดอกเบี้ยใน 3 ปีแรกกรณีมีหลักทรัพย์ค้ำประกันสูงสุดไม่เกินร้อยละ 2.35 ต่อปี และกรณีไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันหรือใช้บุคคลค้ำประกันสูงสุดไม่เกินร้อยละ 4.75 ต่อปี สำหรับอัตราดอกเบี้ยในปีที่ 4 เป็นต้นไป เป็นไปตามที่แต่ละธนาคารกำหนด โดยการพิจารณาสินเชื่อเป็นไปตามเงื่อนไขของแต่ละธนาคาร
พร้อมกันนี้สำนักงานประกันสังคมยังให้ความสำคัญกับการดูแลผู้ประกันตนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ โดยเฉพาะเหตุอุทกภัยในพื้นที่ 10 จังหวัดทางภาคใต้ ซึ่งทำให้ผู้ประกันตนจำนวนมากไม่สามารถปฏิบัติงานได้ตามปกติ และทำให้สถานประกอบการบางแห่งไม่สามารถดำเนินกิจการได้ สำนักงานประกันสังคมจึงได้สำรวจข้อมูลสถานประกอบการและลูกจ้างที่ได้รับผลกระทบที่เกิดจากอุทกภัย เพื่อดำเนินการคุ้มครองสิทธิประโยชน์กรณีว่างงานเนื่องจากเหตุสุดวิสัย ให้ผู้ประกันตนได้รับเงินทดแทนในอัตราร้อยละ 50 ของค่าจ้างรายวัน ครอบคลุมระยะเวลาสูงสุดไม่เกิน 180 วัน โดยผู้ประกันตนจะต้องยื่นแบบคำขอรับประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงาน พร้อมหนังสือรับรองจากนายจ้างเพื่อประกอบการพิจารณา และนายจ้างสามารถดาวน์โหลดแบบฟอร์มดังกล่าวได้จากเว็บไซต์ของสำนักงานประกันสังคมก่อนส่งเอกสารไปยังสำนักงานประกันสังคมพื้นที่
นางสาวกาญจนา ย้ำต่อว่า ทั้งสองมาตรการนี้สะท้อนเจตนารมณ์ของสำนักงานประกันสังคมในการยืนเคียงข้างแรงงานและผู้ประกอบการในทุกสถานการณ์ ทั้งการสร้างความมั่นคงด้านการจ้างงาน และการบรรเทาปัญหาที่เกิดจากเหตุสุดวิสัย พร้อมให้คำแนะนำว่าผู้ประกันตนและนายจ้างควรตรวจสอบสิทธิและเตรียมเอกสารให้ครบถ้วนเพื่อให้การรับบริการเป็นไปอย่างรวดเร็ว หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมสามารถติดต่อสายด่วนประกันสังคม 1506 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง.