"ตรีนุช" เปิดตัว JOB HUNTER หน่วย-ล่า-งาน สานต่อโครงการ"คนไทยต้องมีงานทำ"

Last updated: 24 พ.ย. 2568  |  231 จำนวนผู้เข้าชม  | 

"ตรีนุช" เปิดตัว JOB HUNTER หน่วย-ล่า-งาน สานต่อโครงการ"คนไทยต้องมีงานทำ"

"ตรีนุช" เปิดตัว JOB HUNTER หน่วย-ล่า-งาน สานต่อ โครงการ “คนไทยต้องมีงานทำ” หางานให้คน สร้างคนให้งาน ตั้งเป้า 150,000 อัตรา ใน 4 เดือน

วันที่ 24 พ.ย.นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดตัวนโยบายระดับชาติ “คนไทยต้องมีงานทำ” อย่างเป็นทางการ เดินหน้าปฏิบัติการครั้งใหญ่เพื่อแก้ปัญหาการไม่มีงานทำ ซึ่งเป็นหนึ่งในโจทย์สำคัญและกระทบต่อความมั่นคงของประชาชนไทยในทุกมิติ พร้อมตั้งเป้าหมาย จัดหาตำแหน่งงานให้ได้กว่า 150,000 อัตราภายใน 4 เดือน ผ่านความร่วมมือของทุกภาคส่วน และระบบการจัดหางานรูปแบบใหม่ที่ครอบคลุมทุกจังหวัดของประเทศ


นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า ปัญหาคนไทย “ไม่มีงานทำ” ส่งผลมากกว่าการไม่มีรายได้ ซึ่งไม่ใช่เพียงตัวเลขทางเศรษฐกิจ แต่เป็นสัญญาณความเปราะบางของสังคม เพราะ การตกงานคือการไร้รายได้ ไร้ความมั่นคง และอาจนำไปสู่ปัญหาตามมาอีกมากมาย ตั้งแต่ปัญหาครอบครัว ความรุนแรงในสังคม ปัญหายาเสพติด กระทั่งการถูกล่อลวงโดยกลุ่มสแกมเมอร์ที่กำลังเป็นภัยระดับโลก ซึ่งเมื่อขาดงาน ก็ขาดโอกาส ขาดความหวัง และอาจตกเป็นเหยื่อของอาชญากรรมได้ง่าย ดังนั้น สิ่งที่ประชาชนต้องการจึงไม่ใช่แค่ตัวเลขการจ้างงาน แต่คือความมั่นคงในชีวิต ซึ่งกระทรวงแรงงานจึงต้องตอบโจทย์นี้ให้ได้



รมว.แรงงาน กล่าวเพิ่มเติมว่า "คนไทยต้องมีงานทำ" ไม่ใช่แค่คำสวยหรู แต่เป็นความรับผิดชอบของพวกเราที่ต้องร่วมมือกันทำเพื่อคนไทยที่ต้องการทำงาน “คนไทยต้องมีงานทำ” ไม่ใช่การหา ‘ตำแหน่งงานว่าง’ มาเติมตัวเลข แต่คือการสร้างรากฐานใหม่ให้ตลาดแรงงานและเศรษฐกิจไทยเติบโตอย่างยั่งยืน “งาน” ยังต้องการคน “คน” ก็ต้องการงาน หน้าที่เราคือสร้างความลงตัวให้กับสมการในข้อนี้ นโยบายใหม่ต้องใช้พลังร่วมทั้งระบบ ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคการศึกษา โดยอาศัยการเป็นพันธมิตรร่วมกันทุกภาคส่วนในการเป็นกลไกขับเคลื่อนนโยบาย เพื่อสร้างสมดุลระหว่าง “อุปสงค์–อุปทาน” ของตลาดแรงงานไทย โดยมีกรมการจัดหางานเป็นแกนกลางเชื่อมโยงข้อมูลนายจ้าง ทักษะแรงงาน และความต้องการของประชาชน

ทั้งนี้ภารกิจนี้จะขับเคลื่อนผ่านศูนย์บริการจัดหางานเพื่อคนไทย ด้วย 4 มิติเชิงรุก ได้แก่ 1) เร่งจัดหาตำแหน่งงานว่าง (Job Hunting) 2) จับคู่ทักษะกับงาน พร้อมอบรม Upskill–Reskill 3) ส่งเสริมการทำงานต่างประเทศในตลาดรายได้ดีและสวัสดิการมาตรฐาน 4) วัดผลด้วยคุณภาพงาน ความมั่นคงของอาชีพ และการเข้าถึงของทุกกลุ่ม รวมถึงบัณฑิตจบใหม่ ผู้สูงอายุ และผู้พิการ

นางสาวตรีนุช ระบุว่า ไฮไลต์สำคัญคือเปิดตัว "ศูนย์บริการจัดหางานเพื่อคนไทย" 87 แห่งทั่วประเทศ เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงงานได้ง่ายขึ้น โดยกระทรวงแรงงานจะเปิดให้บริการ ศูนย์จัดหางานเพื่อคนไทย ทั้งหมด 87 แห่ง ดังนี้ ส่วนกลาง 11 แห่ง ประกอบด้วย สำนักงานจัดหางานกรุงเทพเขตพื้นที่ 1–10 จุดบริการภายในบริเวณกระทรวงแรงงาน 1 แห่ง และส่วนภูมิภาค 76 แห่ง ณ สำนักงานจัดหางานจังหวัด ทุกจังหวัดทั่วประเทศ โดยมี ตำแหน่งงานว่างพร้อมรองรับทันที จำนวน 61,399 อัตรา ทั้งภาคการผลิต ค้าปลีก โลจิสติกส์ ดิจิทัล ท่องเที่ยว และบริการ โดยตั้งเป้าหมายทั่วประเทศ 1,000 อัตรา ต่อวัน และกำหนดเป็นตัวชี้วัด KPI สำหรับจัดหางานจังหวัดทั่วประเทศด้วย



"กรมการจัดหางาน จะทำหน้าที่เป็นกลไกหลักในการส่งเสริมการมีงานทำแก่ประชาชน ทั้งการประสานนายจ้างเพื่อขอตำแหน่งงานว่าง สนับสนุนการประกอบอาชีพอิสระ ส่งเสริมการฝึกอบรม Upskill - Reskill ให้บริการข้อมูลตลาดแรงงาน และติดตามผลการบรรจุงาน จากนายจ้างและสถานประกอบการ โดยมีผลดำเนินการตั้งแต่เดือนตุลาคม 2568 จนถึงปัจจุบัน ได้สร้างงาน สร้างอาชีพ ทำงานในประเทศบรรจุงานผ่านกรมการจัดหางาน แล้ว 42,000 คน คิดเป็นรายได้เฉลี่ย 7,560 ล้านบาทต่อปี นอกจากนี้ ได้จัดส่งแรงงานไทย ไปทำงานต่างประเทศแล้วกว่า 17,000 คน สร้างรายได้ 12,240 ล้านบาท ต่อปี " นางสาวตรีนุช กล่าว

โดยภายหลังการแถลงข่าวได้มีภาคเอกชน เช่น บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน)  บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) และบริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี (ประเทศไทย) ได้ยืนยันว่า ได้นำตำแหน่งงานมาเชื่อมโยงกับกรมการจัดหางาน มากกว่า 3,000 อัตราด้วย.


Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้