Last updated: 18 พ.ย. 2568 | 16 จำนวนผู้เข้าชม |
สภาองค์การนายจ้างฯ 16 คณะตบเท้ายื่นหนังสือกมธ.การแรงงาน วุฒิสภา ค้านสุดลิ่มร่างก.ม.แรงงาน 3 ฉบับ หวั่นสร้างผลกระทบจ้างงานหนักกว่าเดิม ด้าน กมธ.จ่อเชิญสภานายจ้างฯนัดเคลียร์ประเด็น 26 พย.นี้
เมื่อวันที่ 17 พ.ย. ที่ห้องโถง ชั้น 1 อาคารรัฐสภา (สว.) คณะกรรมาธิการ(กมธ.)การแรงงาน วุฒิสภา นำโดยนายวิรัตน์ รักษ์พันธ์ ประธานคณะกรรมาธิการฯ รับหนังสือจากนางเนาวรัตน์ ทรงสวัสดิ์ชัย ประธานสภาองค์การนายจ้างผู้ประกอบการค้าและอุตสาหกรรมไทย พร้อมคณะสภาองค์การนายจ้างฯ จำนวน 16 คณะ เพื่อขอคัดค้านร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) คุ้มครองแรงงาน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวมจำนวน 3 ฉบับ ดังนี้
ฉบับที่ 1 ร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. เสนอโดยนายจรัส คุ้มไข่น้ำ ส.ส.พรรคประชาชน และคณะ เห็นว่าก่อให้เกิดปัญหาการจ้างงานในหลายประเด็น โดยเฉพาะการเกิดผลกระทบย้อนกลับไปถึงการจ้างงานของลูกจ้างในอนาคต ซึ่งผู้ประกอบกิจการจะต้องแสวงหารูปแบบการจ้างงานรูปแบบใหม่ที่เหมาะสมกว่าเพื่อให้ธุรกิจอยู่รอดได้ เช่น การนำ AI หรือหุ่นยนต์มาใช้แทนการจ้างงาน เป็นต้น
ฉบับที่ 2 ร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. เสนอโดยนางสาววรรณวิภา ไม้สน ส.ส.พรรคประชาชน ในประเด็นต่างๆ อาทิ การให้นายจ้างจัดพื้นที่ให้นมบุตรหรือบีบเก็บน้ำนม สภาองค์การนายจ้างฯ เห็นว่าปัจจุบันผู้ประกอบการได้เข้าร่วมโครงการจัดตั้งมุมนมแม่ของกระทรวงสาธารณสุขเป็นจำนวนมากแล้ว ดังนั้น จึงควรส่งเสริมความร่วมมือมากกว่าการออกกฎหมายบังคับและการออกกฎหมายเกินความจำเป็น โดยเฉพาะผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในกลุ่มแรงงานภาคเกษตร ภาคบริการ ร้านค้าปลีกและค้าส่งที่ไม่สามารถปฏิบัติได้
นอกจากนี้ยังมีประเด็นการลาเนื่องจากมีประจำเดือน (3 วันต่อเดือน) ทางสภาองค์การนายจ้างฯ เห็นว่าเป็นการออกกฎหมายเกินความจำเป็น ซึ่งอาจจะถือเป็นการเลือกปฏิบัติภายใต้อนุสัญญาฉบับที่ 111 โดยถือเป็นเอกสิทธิ์ที่เกินกว่ามาตรการพิเศษเพื่อการคุ้มครองหรือความช่วยเหลือที่อนุสัญญาอนุญาตกำหนดไว้และยังอาจถือว่าไม่สอดคล้องกับอนุสัญญาฉบับที่ 100 เนื่องจากส่งผลให้เกิดความไม่เท่าเทียมความเสมอภาคและเป็นธรรมระหว่างลูกจ้างชายและหญิง ดังนั้นควรให้เป็นไปตามข้อตกลงระหว่างนายจ้างและลูกจ้างตามกฎหมายใน พ.ร.บ.แรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518
และฉบับที่ 3 ร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... เสนอโดยนายเซีย จำปาทอง ส.ส.และคณะ ที่ให้เพิ่มบทนิยามคําว่า “การจ้างงานรายเดือน” เป็นการจ้างงานที่มีลักษณะเป็นงานประจำและเต็มเวลา โดยลูกจ้างได้รับค่าจ้างเป็นรายเดือนนั้น สภาองค์การนายจ้างฯ ไม่เห็นด้วยเนื่องจากการจ้างแรงงานในสภาพการทำงานที่เป็นจริง ปัจจุบันนี้ สมควรให้นายจ้างและลูกจ้างตกลงจ่ายค่าตอบแทนตามความเหมาะสมกันเอง นอกจากนี้ยังมีประเด็นที่กําหนดให้คณะกรรมการค่าจ้างต้องปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเพิ่มทุกปี โดยที่สภาองค์การนายจ้างฯ ไม่เห็นด้วย เนื่องจากเห็นว่าการปรับอัตราจ้างขั้นต่ำย่อมขึ้นอยู่กับตัวเลขทางเศรษฐกิจที่สะท้อนให้เห็นถึงความสามารถในการจ่ายของนายจ้างและค่าครองชีพของลูกจ้างตามที่บัญญัติไว้แล้วในกฎหมายปัจจุบัน โดยให้ความสำคัญกับคณะกรรมการค่าจ้างฯ คณะกรรมการไตรภาคีจังหวัด และหลักเกณฑ์ที่บังคับในมาตรา 87 แห่ง พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 ซึ่งมีความเหมาะสมดีอยู่แล้ว เป็นต้น
นายวิรัตน์ ประธานคณะกรรมาธิการฯ กล่าวว่า จะรับเรื่องดังกล่าวไว้ และมอบหมายให้คณะอนุกรรมาธิการด้านการสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เชิญคณะสภาองค์การนายจ้างฯ เข้าร่วมประชุมในวันที่ 26 พ.ย.นี้ เพื่อให้ข้อมูล ข้อเท็จจริง และข้อเสนอแนะต่อคณะอนุกรรมาธิการฯต่อไป.
17 พ.ย. 2568