Last updated: 20 ต.ค. 2568 | 17 จำนวนผู้เข้าชม |
ชี้ “คนละครึ่งพลัส”ตอบโจทย์จริง ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งร้านค้า-ปชช. ลดรายจ่ายดีกว่าแจกเงินอย่างเดียว
เมื่อวันที่ 19 ต.ค.นายสรรเพชญ บุญญามณี ส.ส.สงขลา เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่พบปะประชาชนในเขตอำเภอเมืองสงขลา ว่า จากการลงพื้นที่รับฟังปัญหาจากพี่น้องประชาชนพบว่า เศรษฐกิจปากท้องยังคงเป็นประเด็นหลักที่ส่งผลกระทบต่อครัวเรือนมากที่สุด โดยประชาชนส่วนใหญ่สะท้อนตรงกันว่า รายจ่ายเพิ่มขึ้นแต่รายได้เท่าเดิม ทำให้หลายครอบครัวต้องประคับประคองการใช้จ่ายอย่างยากลำบาก
นายสรรเพชญ กล่าวว่า โครงการคนละครึ่งพลัสเป็นหนึ่งในมาตรการที่ได้รับเสียงตอบรับจากประชาชนในเชิงบวก เพราะสามารถกระตุ้นการหมุนเวียนของเงินในระบบเศรษฐกิจได้อย่างเป็นรูปธรรม เงินที่รัฐอัดฉีดลงไปถึงทั้งผู้ค้าและผู้บริโภคโดยตรง พร้อมช่วยลดภาระค่าครองชีพของประชาชนได้จริง แต่มองว่า มาตรการลักษณะนี้มีประสิทธิภาพเชิงเศรษฐกิจระยะสั้นดีกว่าการแจกเงินแบบครั้งเดียว เพราะช่วยสร้างแรงกระตุ้นให้เกิดการใช้จ่ายต่อเนื่อง และส่งผลดีต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจในระดับฐานรากอย่างทั่วถึง
อย่างไรก็ตาม ปัญหาที่พบในระยะเริ่มต้นของการดำเนินโครงการ คือ ขั้นตอนการลงทะเบียนและยืนยันตัวตนที่ยังไม่สะดวก โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุซึ่งต้องเดินทางไปธนาคารเพื่อยืนยันตัวตน ทำให้เกิดความยุ่งยากและล่าช้าในการเข้ารับสิทธิ์ จึงเสนอให้รัฐบาลเร่งหาแนวทางปรับปรุงระบบ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนทุกกลุ่ม โดยเฉพาะผู้สูงอายุและผู้ที่เข้าถึงเทคโนโลยีได้ยาก
ทั้งนี้โครงการคนละครึ่งพลัสรอบใหม่นี้ รัฐบาลจะเปิดให้ลงทะเบียนระหว่างวันที่ 20 – 26 ตุลาคม 2568 และสามารถเริ่มใช้จ่ายได้ตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคม – 31 ธันวาคม 2568 ผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” โดยมีการ ปรับเพิ่มวงเงินการใช้จ่ายเป็น 200 บาทต่อวัน พร้อม ขยายฐานอายุผู้มีสิทธิ์เข้าร่วมเป็นตั้งแต่ 16 ปีขึ้นไป รวมถึงเพิ่ม สิทธิพิเศษสำหรับผู้ยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ให้ได้รับวงเงินเพิ่มขึ้นตามเกณฑ์ เพื่อกระตุ้นการบริโภคและส่งเสริมการเสียภาษีอย่างถูกต้อง.