Last updated: 7 ต.ค. 2568 | 56 จำนวนผู้เข้าชม |
“สว.ไชยยงค์” จี้ มทภ.4 ปรับกลยุทธ์สู้กลุ่มก่อการร้าย“บีอาร์เอ็น”เร่งปรับงานการข่าว รุกซีลชายแดนแม่น้ำสุไหงโก-ลก พร้อมจับกุม”แนวร่วม”ทุกหมู่บ้านในพื้นที่ หยุดการปัญหาความไม่สงบ
เมื่อวันที่ 7 ต.ค.นายไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล สมาชิกวุฒิสภา จ.สงขลา ในฐานะโฆษกและ เลขานุการคณะกรรมาธิการ (กมธ.)ทหารและความมั่นคงของรัฐ วุฒิสภา กล่าวถึงกรณีการ”ปล้นร้านทองเยาวราช” ที่ตั้งอยู่ในห้างบิ๊กซี ต.สุไหงโก-ลก อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส โดยกองกำลังติดอาวุธของ“ขบวนการแบ่งแยกดินแดนบีอาร์เอ็น” เป็นผู้ก่อเหตุ ได้ทองไปถึง 600 บาทและมีการวางระเบิดแสวงเครื่อง เพื่อข่มขู่ เจ้าหน้าที่ไม่ให้ติดตามจับกุมว่า จากการ สืบสวนคนร้ายส่วนหนึ่งข้ามแม่น้ำสุไหงโก-ลก มาจากประเทศเพื่อนบ้าน โดยประสานงานกับ”คนร้าย” ที่เป็น”กองกำลังติดอาวุธ”ที่ เคลื่อนไหว อยู่ในพื้นที่ของ จ.นราธิวาส ซึ่งมีกองกำลังติดอาวุธกระจายในพื้นที่เชิงเขา ไม่ต่ำกว่า 50 คน โดยมี”แนวร่วม” ในหมู่บ้าน ในชุมชนเมือง ซึ่งมีการจัดตั้งหมู่บ้านละ 6 คน เป็น”สายลับ” ในการรายงานความเคลื่อนไหวของเจ้าหน้าที่และร่วมวางแผน ในการเข้าปล้นร้านทองครั้งนี้ ซึ่งเป็นไปตามแผนปฏิบัติการที่ “บีอาร์เอ็น” ประกาศว่าจะทำลาย “เศรษฐกิจ” ของสามจังหวัดชายแดนภาคใต้
กรณีนี้มีการวางแผนล่วงหน้าในการกำหนดพื้นที่การเข้าไปปล้นรถยนต์กระบะ 2 คันใน ต.ปะลุรู อ.สุไหงปาดี ซึ่งห่างจากจุดเกิดเหตุ 10 กว่ากิโลเมตร มีการกำหนดเส้นทางหลบหนี หลังการปล้นไปยัง ต.กายูคละ อ.แว้ง ซึ่งหางออกไปประมาณ 30 กิโลเมตร และกำหนดจุด วางระเบิดแสวงเครื่อง 2 จุด เพื่อสกัดการติดตามของ เจ้าหน้าที่ ทุกอย่างเป็นการวางแผนอย่างเป็นขั้นเป็นตอนใช้เวลากว่า 10 วัน โดยกำหนดการปล้นในต้นเดือนต.ค.ที่เป็นช่วงการเข้ามารับตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 4 ของ พล.ต.นรธิป โพยนอก ซึ่งย้ายมาจากรองแม่ทัพภาคที่ 2
ทราบว่าจุดอ่อน ของ” เจ้าหน้าที่ในพื้นที่และ กอ.รมน.ภาคที่ 4 ส่วนหน้าคือเรื่องของการข่าวที่ไม่มีรายงานข่าวความเคลื่อนไหวของแนวร่วม ทั้งในพื้นที่และกองกำลังติดอาวุธ ทั้งที่เคลื่อนไหวในพื้นที่และที่ข้ามมาจากรัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย ประเด็นนี้คือ”จุดอ่อน” ที่ทำให้การป้องกันเหตุของ แม่ทัพภาคที่ 4 คนใหม่ต้องมีการปรับปรุงงาน การข่าว ให้เข้าถึงแหล่งข่าวของบีอาร์เอ็น และงบการข่าว หลายสิบล้านบาทของ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ต้องไม่กระจุกตัวอยู่ที่ “ผบ.พัน” และ” ผบ.พล.ต้อง กระจายไปยังเจ้าหน้าที่การข่าวในพื้นที่
ที่สำคัญต้องมีการ”ซีล” แนวชายแดนแม่น้ำสุไหงโก-ลก ตั้งแต่ อ.ตากใบ อ.สุไหงโก-ลก อ.แว้ง ซึ่งเป็นจุดอ่อน เป็นเส้นทางทั้งในเข้าออกก่อเหตุและการหลบหนี หลังการก่อเหตุจะต้องเพิ่มจุดตรวจหรือต้องทำรั้วถาวร เพิ่มขึ้นก็ต้องทำเพื่อเป็นการ สกัดจุดอ่อนของการป้องกัน มิให้มีการก่อเหตุ
วันนี้กำลังของ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ที่รับผิดชอบในพื้นที่ของแต่ละอำเภอ แต่ละจังหวัด ต้อง “สืบค้น” และ”จับกุม” บรรดาแนวร่วมที่มีการจัดตั้งโดยบีอาร์เอ็นในทุกหมู่บ้าน โดยเฉพาะหมู่บ้านเข้มแข็ง หมู่บ้านละ 6 คน รับผิดชอบงาน 6 ฝ่าย ในการประสานงานกับกองกำลังติดอาวุธ” ที่มีความพร้อมในการก่อเหตุต่อเป้าหมายที่ต้องการ ถ้า “กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า” ไม่สามารถ กำจัดจุดอ่อน ที่เกิดขึ้นให้ได้ผล ก็จะไม่สามารถดับไฟใต้ที่ลุกโชนมา 21 ปีอย่างแน่นอน.