Last updated: 25 ก.ย. 2568 | 127 จำนวนผู้เข้าชม |
กมธ.การทหารฯ วุฒิสภา เยือนค่ายเขตอุดมศักดิ์ มณฑลทหารบกที่ 44 จ.ชุมพร เกาะติดปัญหาแรงงานต่างด้าว ยาเสพติด คอลเซ็นเตอร์ อาชญากรรมข้ามขาติ กมธ.ชี้ 3 ปัจจัยสำคัญกระทบความมั่นคงพื้นที่
เมื่อวันที่ 25 ก.ย. พล.อ.สวัสดิ์ ทัศนา ประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การทหารและความมั่นคงของรัฐ วุฒิสภา พร้อมด้วยนายสมบูรณ์ หนูนวล รองประธาน คนที่หนึ่ง ร้อยตำรวจเอก ฉลอง ทองนะ รองประธาน คนที่สอง นายไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล โฆษกและเลขานุการคณะกรรมาธิการ นายนิรุตติ สุทธินนท์ ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการ นายวิรัตน์ ธรรมบำรุง ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการ นายธณัชญ์พงศ์ วงศ์มุลาลี กรรมาธิการ ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ นักวิชาการประจำคณะ และอนุกรรมาธิการกิจการทหารด้านความมั่นคงแบบองค์รวม ได้เดินทางไปศึกษาดูงานติดตามและตรวจสอบเกี่ยวกับภารกิจการทหารและงานความมั่นคงแบบองค์รวม ความสัมพันธ์และความมั่นคงชายแดนภาคตะวันตก แรงงานต่างด้าว การหลบหนีเข้าเมือง ยาเสพติด แก๊งคอลเซ็นเตอร์และการใช้โครงข่ายการสื่อสารข้ามประเทศ และอาชญากรรมข้ามชาติที่กระทบต่อความมั่นคงของประเทศ ที่จ.ชุมพร โดยมีพล.ต.เฉลิมพร ขำเขียว รองแม่ทัพภาค 4 คนที่สอง และคณะได้ให้การต้อนรับ
จากนั้น พล.ต.เฉลิมพร พร้อมส่วนราชการฝ่ายทหาร ฝ่ายตำรวจ และฝ่ายพลเรือน ได้แก่ (1) ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพรหรือผู้แทน และผู้ว่าราชการจังหวัดระนองหรือผู้แทน (2) ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 44 (3) รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดชุมพรและจังหวัด (ฝ่ายความมั่นคง) หรือผู้แทน (4) ป่าไม้จังหวัดชุมพรหรือจังหวัดระนอง หรือผู้แทน (5) กำนันตำบลปากจั่น หรือผู้แทน (6) ผู้แทนหน่วยงาน/ส่วนราชการในจังหวัดชุมพรและจังหวัดระนอง (7) ผู้แทนกรมแผนที่ทหาร ร่วมประชุมและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นการดำเนินงานที่กระทบต่อความมั่นคงในพื้นที่ สาระสำคัญพบว่า
1. ผลดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาความมั่นคงชายแดนภาคตะวันตก แรงงานต่างด้าว การหลบหนีเข้าเมือง และยาเสพติดในพื้นที่รับผิดชอบทั้งการวางกำลังให้สอดคล้องลักษณะภูมิประเทศและพื้นที่ปกครอง รวมถึงการบูรณาการประสานงานฝ่ายทหาร ฝ่ายตำรวจ และฝ่ายพลเรือนซึ่งเป็นหน่วยในพื้นที่ขับเคลื่อนแผนงานต่าง ๆ สนับสนุนงานตามโครงการที่รับผิดชอบ การจัดระเบียบพื้นที่ชายแดนและสนับสนุนหน่วยงานอื่นๆ ในการจัดระเบียบพื้นที่ชายแดน เสริมสร้างความเข้มแข็งให้กำลังประจำถิ่น และปฏิบัติภารกิจอื่น ๆ ตามที่นโยบายของรัฐบาล กระทรวงกลาโหม และกอ.รมน.
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการจัดส่วนลาดตระเวนและสนับสนุนการปฏิบัติทางทหารในจังหวัดระนองซึ่งเป็นพื้นที่ชายแดนติดกับประเทศเมียนมาร์ที่มีชาวต่างชาติ และชาวไทยพลัดถิ่นอาศัยอยู่และเดินทางข้ามพรมแดนไทย-เมียนมาร์อยู่เป็นประจำ 2. การรักษาปลอดภัยของประชาชนและความเชื่อมั่นของภาคเศรษฐกิจยังเป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลความมั่นคงตามแนวรอยต่อชายแดน จึงจำเป็นต้องกำหนดแนวทางเชิงรุกของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบ ควบคู่ไปกับการสร้างความร่วมมือกับประเทศเมียนมาร์มากขึ้นด้วย
3. การแลกเปลี่ยนความเห็นในเรื่องของการสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งของแม่น้ำกระบุรีที่มีการดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องในหลายปีที่ผ่านมาเพราะเป็นที่แบ่งเขตแดนประเทศไทยกับประเทศเมียนมาร์ เนื่องจากตลอดแนวของแม่น้ำกระบุรีในพื้นที่ตำบลปากจั่น ระยะทางประมาณ 10 กิโลเมตร โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีการกัดเซาะตลิ่งจนพังเสียหาย และส่งผลให้ร่องน้ำเปลี่ยนทิศทางการไหลของน้ำที่อาจจะทำให้เป็นปัญหาเรื่องของเส้นเขตแดนในอนาคต ดังนั้น โครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมทะเลพร้อมปรับปรุงภูมิทัศน์ควรได้รับการสนับสนับสนุนเพื่อป้องกันการกัดเซาะชายฝั่งและเสริมความมั่นคงแข็งแรงของตลิ่งแม่น้ำกระบุรีให้มากยิ่งขึ้น รวมทั้งคณะกรรมาธิการยังได้รับทราบปัญหาจากหน่วยงานราชการและประชาชนในพื้นที่จังหวัดชุมพรและจังหวัดระนองที่เข้าร่วมประชุม
อย่างไรก็ตามคณะกรรมาธิการรับทราบข้อมูลและข้อเท็จจริงต่าง ๆ จะนำไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวกับกับภารกิจด้านการทหารและความมั่นคง โดยมีข้อเสนอแนะให้ทุกส่วนราชการในพื้นที่เรื่องการใช้ประโยชน์ของชายฝั่งบริเวณท่าเรือกระบุรีที่ใช้เป็นที่อยู่อาศัย ร้านค้า ที่จอดเรือข้ามฟาก หรือพื้นที่ชายฝั่งที่อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติลำน้ำกระบุรี ซึ่งเป็นหาดโคลนและป่าชายเลนเป็นชายฝั่งอยู่ในสภาพสมดุลไม่มีการกัดเซาะให้ทุกภาคส่วนช่วยกันรักษาและใช้ประโยชน์ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดสอดคล้องกับวิถีชีวิตของประชาชนในพื้นที่กับการบังคับใช้กฎหมายอย่างถูกต้องและนำมาสู่การพัฒนาพื้นที่จังหวัดระนองและจังหวัดชุมพร
ทั้งนี้คณะกรรมาธิการจะได้นำข้อมูล ข้อเท็จจริง และข้อเสนอแนะที่ได้มาประกอบการพิจารณาตามหน้าที่และอำนาจตามที่รัฐธรรมนูญและกฎหมายกำหนดไว้ภายใต้กรอบของฝ่ายนิติบัญญัติต่อไป.
/////
9 ต.ค. 2568