Last updated: 5 ส.ค. 2568 | 28 จำนวนผู้เข้าชม |
กมธ.สาธารณสุข วุฒิสภา แสดงจุดยืนเรียกร้อง 5 ข้อยืนหยัดเคียงข้างแพทย์พยาบาล เจ้าหน้าที่ บุคลากรสาธารณสุขพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี ไม่ให้เสียขวัญกำลังใจจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาถาโถม
เมื่อวันที่ 5 ส.ค. ที่ห้องแถลงข่าวสื่อมวลชน ชั้น 1 อาคารรัฐสภา (สส.) คณะกรรมาธิการ (กมธ.) สาธารณสุข วุฒิสภา นำโดย นายประพนธ์ ตั้งศรีเกียรติกุล ประธานคณะกรรมาธิการฯ แถลงข่าวแสดงความห่วงใยต่อสถานการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นในพื้นที่ชายแดนจังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อการให้บริการสาธารณสุขของสถานพยาบาลในพื้นที่ รวมถึงส่งผลต่อความปลอดภัยและความเป็นอยู่ของประชาชนจำนวนมากทั้งฝั่งไทยและประเทศเพื่อนบ้าน
คณะกรรมาธิการฯ จึงขอแถลงข้อเท็จจริงและแสดงจุดยืน ดังนี้ 1. สถานการณ์ชายแดนกระทบรุนแรงต่อระบบบริการสุขภาพ คณะกรรมาธิการฯ ขอยืนยันว่า เหตุความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนจังหวัดอุบลราชธานี เป็นวิกฤตรุนแรงที่กระทบต่อความมั่นคงและระบบบริการสาธารณสุขโดยตรง สถานพยาบาลหลายแห่งเสียหายต้องหยุดให้บริการ ขณะที่ประชาชนจำนวนมากต้องอพยพเพื่อความปลอดภัย โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ในฐานะโรงพยาบาลศูนย์ระดับเขตที่ดูแลประชาชนใน 5 จังหวัด ประกอบด้วย อุบลราชธานี ศรีสะเกษ ยโสธร อำนาจเจริญ และมุกดาหาร รวมทั้งศูนย์พักพิงหลายแห่ง จำเป็นต้องปรับระบบบริการให้สอดคล้องกับภาวะฉุกเฉินเพื่อดูแลผู้ป่วยทั้งชาวไทยและประเทศเพื่อนบ้านอย่างทั่วถึง โดยยึดหลักมนุษยธรรมและความปลอดภัยของผู้ป่วยเป็นสำคัญ
ขอเรียกร้องให้ทุกภาคส่วนโดยเฉพาะทางรัฐ สื่อมวลชน และฝ่ายการเมือง ร่วมกันสนับสนุนและปกป้องผู้ปฏิบัติงานด่านหน้า ซึ่งกำลังเสียสละอย่างเต็มกำลัง เพื่อให้ระบบบริการสุขภาพในพื้นที่ชายแดนยังคงดำเนินต่อไปได้อย่างมั่นคง มีศักดิ์ศรี และไม่ถูกบั่นทอนด้วยความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน
2.การปรับระบบบริการของโรงพยาบาล เป็นไปตามหลักมนุษยธรรมและเพื่อความปลอดภัยของผู้ป่วยทุกกลุ่ม ขอเน้นย้ำว่า การที่โรงพยาบาลต้องปรับลดบริการบางประเภทเป็นเพียงมาตรการชั่วคราวเพื่อจัดลำดับความสำคัญในการให้บริการในภาวะวิกฤต โดยยังคงเปิดให้บริการในส่วนที่จำเป็นอย่างเต็มกำลังและยังคงดูแลผู้ป่วยทุกเชื้อชาติอย่างเท่าเทียม 3. ขอประณามการให้ร้ายบุคลากรทางการแพทย์ และการบิดเบือนข้อมูล ซึ่งบั่นทอนขวัญกำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้เสียสละ โดยปราศจากข้อเท็จจริงที่เป็นธรรมต่อโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์และบุคลากรทางการแพทย์ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ภายใต้สถานการณ์ยากลำบาก การบิดเบือนข้อเท็จจริงในช่วงเวลาที่เจ้าหน้าที่กำลังทำงานเพื่อปกป้องชีวิตของประชาชน ถือเป็นการกระทำที่ไร้ความรับผิดชอบและไม่สมควรอย่างยิ่ง
4.ขอเรียกร้องให้พรรคการเมืองบางพรรคหยุดใช้สถานการณ์วิกฤตเป็นเครื่องมือทางการเมือง ในช่วงเวลาที่ประเทศกำลังเผชิญกับภัยคุกคามต่อความมั่นคงและความปลอดภัยของประชาชน การที่พรรคการเมืองบางพรรคออกมาแสดงความเห็นในลักษณะให้ร้ายโรงพยาบาลและบุคลากรทางการแพทย์โดยไม่เข้าใจข้อเท็จจริงของสถานการณ์ในพื้นที่ชายแดนเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง คณะกรรมาธิการฯ เห็นว่า การแสดงความเห็นทางการเมืองในภาวะวิกฤตควรตั้งอยู่บนพื้นฐานของข้อเท็จจริง ความรับผิดชอบ และความเคารพต่อผู้ปฏิบัติงานด่านหน้า ไม่ใช่การฉวยโอกาสสร้างความเข้าใจผิดในสังคม
5.ขอยืนยันเจตนารมณ์ในการสนับสนุนบุคลากรทางการแพทย์ ทหาร และประชาชนในพื้นที่ชายแดนทุกคนและขอยืนหยัดเคียงข้างให้กำลังใจแก่บุคลากรทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่ทหาร และประชาชนในพื้นที่ชายแดนที่ได้รับผลกระทบ พร้อมทั้งให้การสนับสนุนและประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ระบบบริการสุขภาพยังคงดำเนินไปได้อย่างต่อเนื่อง มีประสิทธิภาพและปลอดภัยสำหรับทุกชีวิตที่อยู่ในพื้นที่.