Last updated: 28 พ.ค. 2568 | 753 จำนวนผู้เข้าชม |
อนุกมธ.คุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา ห่วงผักผลไม้นำเข้าจากจีน-ประเทศอาเซียน พบปนเปื้อนยาฆ่าหญ้าถึง 37 ชนิด ทำคนไทยตายผ่อนส่ง เสี่ยงมะเร็ง ทำพิษต่อประสาท-ระบบสืบพันธุ์ เสนอเร่งตั้งห้องตรวจคุณภาพสินค้าทุกด่านศุลกากร ก่อนกระจายถึงมือผู้บริโภค
เมื่อวันที่ 28 พ.ค. ที่ห้องแถลงข่าวสื่อมวลชน ชั้น 1 อาคารรัฐสภา (ฝั่ง สส.) คณะอนุกรรมาธิการ (กมธ.) การคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา นำโดยผู้ช่วยศาสตราจารย์ นิฟาริด ระเด่นอาหมัด ประธานคณะอนุกรรมาธิการฯ แถลงข่าวเรื่อง “การคุ้มครองผู้บริโภค : ความปลอดภัยด้านอาหาร” ทั้งนี้ สืบเนื่องจากปัจจุบันสินค้าผักและผลไม้ที่เข้ามาสู่ประเทศไทยส่วนใหญ่มาจากสาธารณรัฐประชาชนจีน และประเทศสมาชิกในอาเซียน ซึ่งด่านศุลกากรหลักที่มีสินค้านำเข้าสูงสุด คือ ด่านศุลกากรเชียงของ จังหวัดเชียงราย โดยในการตรวจสารเคมีตกค้างปนเปื้อนในผักและผลไม้ใช้เพียงชุดทดสอบสารเคมีตกค้าง (Test Kit) ซึ่งสามารถตรวจพบสารเคมีได้จำนวนจำกัด จึงต้องมีการส่งตัวอย่างที่ตรวจสอบสารเคมีตกค้างไปทดสอบ ณ ห้องปฏิบัติการ (Lab) ที่ใกล้ที่สุด
โดยกระบวนการดังกล่าวยังขาดความรวดเร็วในการจัดการกับสินค้าที่ไม่ปลอดภัย คณะอนุกรรมาธิการฯ จึงได้ลงพื้นที่รับฟังและแลกเปลี่ยนข้อมูลการดำเนินงานเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภคและปัญหาอุปสรรคเกี่ยวกับการปฏิบัติพิธีการศุลกากร กระบวนการตรวจสอบสินค้านำเข้า และการสุ่มเก็บตัวอย่างของผักและผลไม้เพื่อตรวจสอบสารปนเปื้อนเมื่อวันที่ 3 เม.ย. ที่จังหวัดเชียงราย พบว่า ผักและผลไม้มีเกณฑ์ตกมาตรฐานร้อยละ 70 และมี 1 ตัวอย่างซึ่งพบวัตถุอันตราย ชนิดที่ 4 คือ คลอไพริฟอส
คณะอนุกรรมาธิการฯ จึงมีข้อเสนอแนะเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว ดังนี้ 1. สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ควรขยายสำนักงานและเร่งดำเนินการให้มีห้องปฏิบัติการที่มีเครื่องมือทันสมัยและได้มาตรฐานสากลโดยเร่งด่วน พร้อมจัดสรรงบประมาณสำหรับการตรวจผัก ผลไม้ และอาหารนำเข้าในห้องปฏิบัติการ เพื่อปรับปรุงให้มีความปลอดภัย 2. อย. ควรเร่งสนับสนุนการจัดทำระบบการตรวจรับรองฟาร์มที่นำเข้าผัก ผลไม้ และอาหารนำเข้าอย่างเป็นระบบ และพัฒนาระบบรับรองอาหารนำเข้าให้เชื่อถือได้และโปร่งใส 3. ด่านศุลกากรเชียงของ และ อย.ควรทำความร่วมมือกับผู้นำเข้าผัก ผลไม้ และอาหาร ให้รับผิดชอบค่าดำเนินการที่เกี่ยวข้องในการตรวจสอบในห้องปฏิบัติการซึ่งได้รับการรับรอง ISO/IEC 17025 หากพบสินค้านำเข้าตกมาตรฐาน
4.การกำหนดบทลงโทษแบบป้องปรามและความรับผิดชอบต่อผู้บริโภค ควรมีการประสานความร่วมมือกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง หรือกำหนดมาตรการความรับผิดชอบของผู้ประกอบการ เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับสินค้าที่มีคุณภาพและปลอดภัย 5. อย.ควรเร่งพัฒนาระบบเฝ้าระวังและแจ้งเตือนเร่งด่วน (Rapid Alert System) และประสานความร่วมมือกับทุกภาคส่วนเพื่อให้เกิดระบบในการเฝ้าระวัง แจ้งเตือน ติดตามและมีมาตรฐานเพื่อจัดการสินค้าอาหารที่ไม่ปลอดภัยได้ทันท่วงที ตั้งแต่ต้นทางจนถึงมือผู้บริโภค และ 6. การพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ ในการสร้างสะพานมิตรภาพไทย - ลาว แห่งที่ 4 ส่งผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจในชุมชนและวิถีชุมชนในพื้นที่ เนื่องจากนักท่องเที่ยวเปลี่ยนเส้นทางไม่เข้าชุมชนเดิม ซึ่งจากข้อเท็จจริงดังกล่าว เห็นควรนำประเด็นหารือต่อคณะกรรมาธิการการท่องเที่ยวและการกีฬา วุฒิสภา
ผู้ช่วยศาสตราจารย์นิฟาริด ประธานคณะอนุกรรมาธิการฯ กล่าวว่า จากการตรวจสอบสารปนเปื้อนที่พบในผักและผลไม้มีสารเคมีกำจัดศัตรูพืชถึง 37 ชนิด แต่ละชนิดมีความอันตรายแตกต่างกัน เช่น เป็นสารที่อาจก่อมะเร็งในมนุษย์ รบกวนการทำงานของระบบฮอร์โมน/ต่อมไร้ท่อ เป็นพิษต่อระบบประสาท รวมถึงเป็นพิษต่อระบบสืบพันธุ์และระบบภูมิคุ้มกัน คณะอนุกรรมาธิการฯ จึงขอสื่อสารเพื่อให้ประชาชนในฐานะผู้บริโภคตระหนักและระมัดระวังในการบริโภค พร้อมทั้งเห็นว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรให้การสนับสนุนงบประมาณและผลักดันให้มีการจัดตั้งห้องปฏิบัติการที่ได้มาตรฐานและการรับรอง ISO/IEC 17025 ทุกด่านศุลกากร และพัฒนาระบบเฝ้าระวังและแจ้งเตือนเร่งด่วนของประเทศต่อไป.
31 พ.ค. 2568